ปี 1983 เป็นปีที่อุตสาหกรรมภาพยนตร์ฮอลลีวูดประสบความสำเร็จอย่างใหญ่หลวง หนึ่งในผลงานที่โดดเด่นและยังคงได้รับการกล่าวขานมาจนถึงปัจจุบันก็คือ “Poltergeist” ภาพยนตร์สยองขวัญเหนือธรรมชาติ ที่สร้างความหวาดกลัวให้กับผู้ชมทั่วโลกด้วยพล็อตเรื่องที่น่าสนใจและเทคนิคพิเศษที่ล้ำสมัยในยุคนั้น
“Poltergeist” เล่าเรื่องราวของครอบครัว Freeling ซึ่งประกอบไปด้วย Steve (Craig T. Nelson), Diane (JoBeth Williams) และลูก ๆ ทั้งสาม: Dana (Dominique Dunne), Robbie (Oliver Robins), และ Carol Anne (Heather O’Rourke) ครอบครัวนี้ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านหลังใหม่ที่ приго癲ในนิวเจอร์ซี่ อย่างไรก็ตาม ความสุขของพวกเขาลดลงอย่างรวดเร็ว เมื่อวิญญาณชั่วร้ายเริ่มปรากฏตัวและก่อความวุ่นวายในบ้าน
Carol Anne ลูกสาวคนเล็ก ได้รับการติดต่อจากวิญญาณเหล่านี้ผ่านทางโทรทัศน์ และถูกดึงเข้าไปยังมิติที่ลึกลับ Steve และ Diane พยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อช่วย Carol Anne ออกมาจากอันตราย โดยอาศัยความช่วยเหลือจากนักวิจัย parapsychology (Para psychology = ศาสตร์แห่งปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ) ทีม “Poltergeist Research and Removal”
ภาพยนตร์เรื่องนี้โดดเด่นด้วยการใช้เทคนิคพิเศษที่ล้ำสมัยในยุคนั้น เช่น เอฟเฟกต์พิเศษของวิญญาณที่ appears and disappears, โทรทัศน์แสดงภาพที่น่าสะพรึงกลัว และเสียงประกอบที่สร้างความตื่นตะลึง
นักแสดงนำและตัวละคร
- Craig T. Nelson แสดงเป็น Steve Freeling, หัวหน้าครอบครัวที่ต้องเผชิญกับความโกลาหลและความรعب
- JoBeth Williams แสดงเป็น Diane Freeling, แม่ของครอบครัวผู้พยายามปกป้องลูก ๆ ของเธอ
- Dominique Dunne แสดงเป็น Dana Freeling, ลูกสาวคนโต
- Oliver Robins แสดงเป็น Robbie Freeling, ลูกชายคนกลาง
- Heather O’Rourke แสดงเป็น Carol Anne Freeling, ลูกสาวคนเล็กที่ถูกวิญญาณชั่วร้ายจับตัวไป
เนื้อหาและธีม
“Poltergeist” ไม่ใช่แค่ภาพยนตร์สยองขวัญธรรมดา ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังสำรวจธีมที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับความสัมพันธ์ในครอบครัว, ความรักของผู้เป็นพ่อแม่ และการเผชิญหน้ากับสิ่งเหนือธรรมชาติ
ความสัมพันธ์ของ Steve และ Diane แสดงให้เห็นถึงความรักและความยึดโยงกันอย่างมาก ทั้งคู่พร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องลูก ๆ ของพวกเขา
ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังสำรวจความเชื่อเกี่ยวกับวิญญาณและโลกหลังความตาย ซึ่งเป็นหัวข้อที่น่าสนใจและทำให้ผู้ชมต้องคิดทบทวน
เทคนิคการสร้างภาพยนตร์
“Poltergeist” กำกับโดย Tobe Hooper ผู้กำกับที่มีชื่อเสียงจากภาพยนตร์สยองขวัญเรื่อง “The Texas Chainsaw Massacre” (1974)
ภาพยนตร์ถูกสร้างขึ้นด้วยงบประมาณที่ไม่สูงมาก แต่ Hooper สามารถใช้เทคนิคพิเศษอย่างชาญฉลาดเพื่อสร้างความน่ากลัวและตื่นตะลึงให้กับผู้ชม
รายละเอียดทางเทคนิค | |
---|---|
กำกับโดย | Tobe Hooper |
บทภาพยนตร์โดย | Steven Spielberg, Michael Grais & Mark Victor |
นำแสดงโดย | Craig T. Nelson, JoBeth Williams, Dominique Dunne, Oliver Robins, Heather O’Rourke |
ออกฉายเมื่อ | 4 มิถุนายน 1983 |
ความยาว | 114 นาที |
ความสำเร็จและมรดกของ “Poltergeist”
“Poltergeist” ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ทั้งในแง่รายได้และคำวิจารณ์ ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำรายได้กว่า 76 ล้านเหรียญสหรัฐจากทั่วโลก
นอกจากความสำเร็จทางการค้าแล้ว “Poltergeist” ยังได้รับการยกย่องว่าเป็นภาพยนตร์สยองขวัญคลาสสิกที่น่ากลัวและสร้างความประทับใจ ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังมีภาคต่อสองภาค: “Poltergeist II: The Other Side” (1986) และ “Poltergeist III” (1988)
แม้ว่าภาคต่อจะไม่ถึงระดับของต้นฉบับ แต่ “Poltergeist” ก็ยังคงเป็นภาพยนตร์ที่ผู้ชมชื่นชอบและมีอิทธิพลอย่างมากต่อวงการภาพยนตร์สยองขวัญ
สรุป
“Poltergeist” เป็นภาพยนตร์สยองขวัญคลาสสิกที่ให้ความบันเทิง และทำให้ผู้ชมต้องจดจำ ด้วยพล็อตเรื่องที่น่าสนใจ, นักแสดงนำที่มีฝีมือ และเทคนิคพิเศษที่ล้ำสมัย “Poltergeist” ได้สร้างความประทับใจแก่ผู้ชมทั่วโลกมาจนถึงปัจจุบัน